เปิดโปงขบวนการ ‘ครูเอก K-9′ วางแผน 10 ข้อ’ เรียกค่าไถ่หมา

เปิดโปงขบวนการ ‘ครูเอก เค-เก้า’ วางแผน 10 ข้อ’เรียกค่าไถ่หมา ‘ (อ่านให้จบแล้วจะเข้าใจ)

📍‘โปรโมท เน้นไกล หว่านล้อม หมัดมือชก บีบความรู้สึก แอบอ้าง ข่มขู่ ต่อรอง เรียกค่าไถ่’ 📍

📍จุดเริ่มต้นของครูเอก เค-เก้า คำว่า ‘เค-เก้า’ มาจากครูเอกได้มีการเรียนหลักสูตรเพิ่มซึ่งเป็นโรงเรียนครูฝึกสุนัข จึงทำให้มีวิชาติดตัวเพิ่มมาอีก 1 อย่าง ซึ่งสามารถนำความรู้ตรงนี้ไปประกอบอาชีพเสริมได้ ต่อมาปี 2017 ครูเอกถูกย้ายมารับราชการพื้นที่คลองหอยโข่ง ด้วยความที่มีวิชาติดตัว อยากหารายได้เสริม จึงมีการสร้างเพจขึ้นมาพร้อมเปิดรับฝึกสุนัข ชุดแรก 3 ตัว โดยใช้บริเวณบ้านพักข้าราชการชั้นประทวนเป็นที่ฝึกสอนและหลับนอนของสุนัข จากนั้นเริ่มเห็นเม็ดเงินเข้ามาเป็นกอบเป็นกำ ฝึกตามสเต็บแบบง่ายๆ หมอบ ชิด ไหว้ ย่อ ฯลฯ ฝึกด้วยใจรัก ฝึกด้วยความรักที่มีต่อสัตว์ จึงเปิดรับฝึกสุนัขเพิ่ม เมื่อเปิดรับเพิ่ม ปัญหาเพื่อนบ้านจึงตามมา มลพิษทางเสียง (เสียงสุนัขเห่า) มลพิษทางกลิ่น (ขี้เยี่ยวสุนัข) จึงทำให้ครูเอกตัดสินใจออกไปหาเช่าที่ดินหลังวัดโคกม่วง เพื่อทำเป็นพื้นที่ฝึกสุนัข เมื่อทุกอย่างเริ่มดี เริ่มเห็นเม็ดเงินเข้ามา ก็เริ่มเปิดรับสมัครพนักงานทั่วไปพร้อมกับสอนท่าเบสิคในการเป็นครูฝึกสุนัขแบบง่ายๆ จากนั้นเป็นต้นมาทุกอย่างดูสวยหรูไปหมด อะไรคือจุดเปลี่ยน อะไรคือจุดเริ่มต้นในการนำสุนัขมาทรมาน พร้อมกับเรียกค่าไถ่จากเจ้าของสุนัขได้เป็นกอบเป็นกำ โดยไม่สนใจว่าเจ้าของสุนัขจะรู้สึกอย่างไร โดยไม่สนใจว่าอนาคตจะมีอะไรตามหลังมา สนใจแต่เพียงว่า เงิน เงินและเงินเท่านั้น

📍( ขอเว้นบรรทัดนี้ค่อยมารอฟังคำตอบจากปากครูเอกนะจ๊ะ อะไรคือจุดเปลี่ยนของครูเอก อะไรรั้งคอ นายวุฒ หรือ ครูวุฒ ถึงไม่ยอมลาออก ทั้งที่ใจอยากลาออก)📍

หลังได้ออกมาเช่าที่ดินหลังวัดโคกม่วง ครูเอกได้เปลี่ยนการโปรโมทสถานที่ฝึกจากเฟซบุ๊ค มาสร้างเพจโปรโมทสถานที่ฝึกสุนัขเพื่อหาเจ้าของสุนัขที่มีฐานะปานกลางขึ้นไป โดยใช้ชื่อว่า ศูนย์ฝึกอบรมสุนัขครูเอก K-9 พร้อมหลอกจัดโปรโมชั่นให้เจ้าของสุนัขสนใจ เริ่มจากเปิดรับฝึกสุนัข เดือนละ 6,000 บาท ต่อ 1 ตัว ฝึก ชิด มอบ นั่ง รอ สวัสดี ฯลฯ พร้อมมีสระว่ายน้ำให้สุนัขได้ทำกิจกรรมต่างๆ หากลงทะเบียนสมัครสุนัขจำนวน 4 ตัว ก็จะมีส่วนลดลงไปอีก ก่อนจะมีลูกค้าโทรศัพท์สอบถามรายละเอียด

โดยมีภรรยาของครูเอกทำหน้าที่คุย ก่อนพยายามพูดหว่านล้อมต่างๆ นาๆ ว่า และสามารถทดลองให้สุนัขปรับตัวเข้ากับสถานที่ฝึกก่อนได้ 1 เดือน หากไม่สะดวกเดินทางมาเยี่ยมทางศูนย์อ้างว่าจะถ่ายคลิปวิดีโอดูความเป็นอยู่ของสุนัขให้เจ้าของสุนัขดูทุกวัน จากนั้นภรรยาครูเอก พยายามพูดจาหว่านล้อมให้เจ้าของสุนัขลงทะเบียนจองให้ได้ โดยออกอุบายว่าเหลือจองลงทะเบียน 2 ที่แล้ว จึงทำให้เจ้าของสุนัขรีบตัดสินใจจองทันที ก่อนโอนเงินจองลงทะเบียนค่ามัดจำ 1,000 บาท จากนั้นถัดมา 2 วัน แผนกฝ่ายขับรถไปรับสุนัขก็ได้เดินทางไปรับสุนัขที่บ้าน (ก่อนเข้าสู่ระบบการเรียกค่าไถ่ ของครูเอกและขบวนการ)

📍(สาเหตุที่เน้นหาเหยื่อที่บ้านอยู่ไกลเพราะสะดวกในการเรียกค่าไถ่ ต่อรองง่าย เพราะยังไงเจ้าของสุนัขต้องรีบหาเงินมาไถ่ตัวสุนัขแน่นอน) 📍

เมื่อฝ่ายแผนกขับรถเดินทางมารับสุนัขที่บ้าน พนักงานก็รีบลงไปจับสุนัขนำมาใส่กรงเหล็กท้ายรถ ก่อนพนักงานอีกคนลงมาจากรถพร้อมถือกระดาษเอกสาร 1 แผ่นลงมา โดยบอกเจ้าของสุนัขรีบเซ็นชื่อรับรองการส่งตัวสุนัข พร้อมกับโอนเงินอีก 5,000 บาท และค่ารถรับส่งสุนัขไปกลับอีกจำนวน (ค่ารถของแต่ละคนราคาไม่เท่ากันขึ้นอยู่ระยะทาง) โอนตามหลังไปก่อนอ้างว่าต้องรีบไปรับสุนัขอีก 1 ตัว ซึ่งบ้านสุนัขอยู่อีกที่และต้องรีบเดินทางกลับศูนย์ฝึก เพื่อส่งสุนัขให้ทันเข้าระบบวัดไอคิว จึงทำให้เจ้าของสุนัขพลาดที่จะอ่านรายละเอียดเอกสารที่เซ็นชื่อไป ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเป็นหนังสือการทำสัญญาส่งตัวสุนัขเข้าฝึกเป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยที่ทางเจ้าของสุนัขโดนมัดมือชกแบบไม่รู้ตัว แต่ด้วยความที่เจ้าของสุนัขคิดว่าคงไม่มีอะไรเพราะได้จ่ายเงินไปแค่ 1 เดือน ก็กลับแล้ว

เมื่อสุนัขเดินทางมาถึงศูนย์ฝึกครูเอกและครูฝึกจะถ่ายคลิปและภาพชุดแรกส่งไปให้เพื่อให้เจ้าของสุนัขตายใจ จนกระทั่งเข้าสู่วันที่ 3 หรือ 4 เริ่มไม่มีการส่งคลิปและภาพให้ทางเจ้าของสุนัขดู ซึ่งในเวลานั้นเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการทรมานสุนัข หากสุนัขมีความดุร้ายจะให้เริ่มอดอาหารเพื่อไม่ให้สุนัขมีแรงต่อต้าน หากความดุร้ายยังไม่ลด ก็จะทำให้สุนัขได้รับบาดเจ็บเพื่อตัดกำลังลงอีกทางและหากไม่ลดอีกก็จะเพิ่มความเข้มข้นด้วยการ เตะ ฟาด ทุบ ตี ไปตามร่างกายเพื่อให้เกิดความกลัวก่อนจะพาไปขังที่กรงเหล็กในห้องที่ไม่ได้ทำความสะอาด มีทั้งอุจจาระ ปัสสาวะ

หลังทางศูนย์ฝึกไม่มีการส่งคลิปและภาพไปให้ตามที่พูดไว้กับเจ้าของสุนัข ทำให้เจ้าของสุนัขเกิดความกังวล เป็นห่วงและพยายามโทรศัพท์ติดต่อไปที่ศูนย์ฝึกเพื่อต้องการทราบความเป็นอยู่ แต่ทางครูเอกและภรรยาพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะรับสายและหาข้ออ้างว่าติดหน้าที่การงาน ติดงานหลายที่ ฝึกสุนัขบ้าง ยุ่งบ้างและอื่นๆอีกสารพัดเพื่อต้องการบีบความรู้สึกเจ้าของสุนัข จึงทำให้จิตใจเจ้าของสุนัขร้อนรน พยายามหาทุกวิถีทาง เพื่อต้องการทราบความเป็นอยู่สุนัขของตนเอง

จากนั้นเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ครูเอกและครูฝึก ก็ได้ส่งคลิปและภาพบีบความรู้สึกกับเจ้าของสุนัขอีกชุด ซึ่งเป็นคลิปและภาพสั่งสุนัขให้ทำตามคำสั่งของครูฝึก แต่สิ่งที่เจ้าของสุนัขเห็นสุนัขของตนเองนั้น อยู่ในสภาพไม่อาบน้ำ มีความหวาดกลัว ผอมแห้ง ผิวหนังมีการติดเชื้อ จนไปถึงขั้นร่างกายสุนัขมีบาดแผล (แต่ละตัวแตกต่างกันไปอยู่ที่ครูฝึกจะทรมานแบบไหน) ด้วยความรู้สึกของเจ้าของสุนัขเมื่อเห็นสภาพสุนัขของตนเองเปลี่ยนไปในทางลบ จึงทำให้เจ้าของสุนัขรับไม่ได้ จึงเกิดการให้ยกเลิกการฝึกและขอรับสุนัขกลับบ้าน แต่ปรากฎว่าทางครูเอกและภรรยาได้ปฎิเสธที่จะส่งสุนัขกลับบ้าน หากต้องการยกเลิกและส่งสุนัขกลับบ้าน เจ้าของสุนัขต้องจ่ายค่าฝึกสุนัขที่เหลือที่ยังคงเหลืออยู่อีก 2 เดือน ซึ่งเจ้าของสุนัขได้ทำผิดกฎระเบียบในหนังสือสัญญาข้อที่ 2-3 หากไม่ปฎิบัติตามเจ้าของสุนัขก็จะถูกครูเอกและภรรยาข่มขู่จะให้ทนายฟ้องกลับบวกกับครูเอกเป็นทหาร จึงได้ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบข่มขู่ชาวบ้าน เรียกเก็บเงินส่วนที่เหลืออีก 2 เดือน จากเจ้าของสุนัข ซึ่งเจ้าของสุนัขได้พลาดท่าเผลอเซ็นชื่อในหนังสือสัญญาช่วงส่งตัวสุนัขของตนเองในวันส่งตัวสุนัข

ด้วยความที่เจ้าของสุนัขรักสุนัขเหมือนลูก เลี้ยงดูอย่างดี ด้วยความกลัวว่าครูเอกเป็นทหาร และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา เจ้าของสุนัขจึงยอมจ่ายเงินส่วนที่เหลืออีก 2 เดือน 12,000 บาท ไปพร้อมบวกค่ารถมาส่งที่บ้าน (ค่าส่งราคาแต่ละคนไม่เท่ากัน) ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันรวมระยะ เกือบ 7 ปี มีสุนัขอยู่ในศูนย์ฝึก 40-50 ตัว ต่อเดือน ซึ่งครูเอกและภรรยาได้กระทำก่อเหตุเรียก ‘ค่าไถ่หมา’ จากเจ้าของสุนัขแบบเดียวกันทั้งหมดมาแล้วไม่ต้ำกว่า 1,000 คน ทำสุนัขเสียชีวิตมาแล้ว ไม่ต่ำกว่า 100 ตัว ทำสุนัขถึงขั้นพิการมาแล้ว ไม่ต่ำกว่า 50 ตัว และเสวยสุขจนลืมไปว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้น มันผิดกฎหมายอย่างรุนแรงที่สังคมไม่สามารถจะให้อภัยได้

เจ้าของสุนัขส่งสุนัขไปฝึกมากเท่าไรเม็ดเงินจะเข้ากระเป๋าครูเอกและภรรยามากเท่าตัว และข้อมูลตรงนี้จะใกล้เคียงมากแค่ไหน จะจริงหรือไม่ อยู่ที่ผู้เสียหายเป็นคนให้คำตอบ

ที่มา Tanapat Boonya