นายกฯ หยอดหวาน “รักจังหู้” ชาวระนอง เร่งแก้ขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค

นายกฯ หยอดหวาน บอก “รักจังหู้” ชาวระนอง ย้ำ เร่งบรรเทาความเดือดร้อน ขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค เร่งแก้ปัญหาไฟฟ้าเพื่อให้เข้าถึงประชาชนทุกพื้นที่ หาแนวทางปลดล็อกข้อจำกัดทางกฎหมาย ขอความร่วมมือห้ามเผา แก้ PM 2.5 

วันที่ 16 มี.ค. 2566 ที่ จ.ระนอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ระนอง โดยนายกฯ และคณะ เดินทางมาที่อาคารอเนกประสงค์ ที่ว่าการอำเภอสุขสำราญ จ.ระนอง เพื่อตรวจติดตามสภาพปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค และพบปะประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมชลประทาน นายนายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง นายอำเภอสุขสำราญ และหน่วยงานที่เกี่ยว ร่วมงาน

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงใส่เฝือกอ่อนที่มือด้านขวา ส่วนมือซ้ายที่ให้ยาฆ่าเชื้อได้ถอดที่ช่วยพยุงมือแล้ว รวมถึงมีนายดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ระนอง พรรครวมไทยสร้างชาติ มาต้อนรับ

โอกาสนี้ นายกฯ รับฟังสภาพปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภคของประชาชนในพื้นที่ ต.กำพวน อ.สุขสำราญ จากนายอำเภอสุขสำราญ โดยสภาพปัญหาคือแหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่มีการใช้งานมาเป็นระยะเวลานานกว่า 25 ปี ทำให้ท่อส่งน้ำมีสภาพเสื่อมโทรม และชำรุดเสียหาย ซึ่งแหล่งกักเก็บน้ำหลักในพื้นที่จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ฝายคลองกำพวน และโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ฝายบ้านโตนกลอย และเนื่องจากทั้ง 2 โครงการเป็นโครงการถ่ายโอนภารกิจแล้ว โครงการชลประทานระนองจึงไม่สามารถขอรับสนับสนุนงบประมาณมาดำเนินการซ่อมแซมได้ ส่งผลให้ราษฎรขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคในช่วงที่เกิดการชำรุดเสียหายของท่อส่งน้ำ ทั้งนี้ เทศบาลตำบลกำพวนได้ซ่อมแซมและให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยโครงการชลประทานระนองได้ประสานไปยังส่วนวิศวกรรม สำนักงานชลประทานที่ 14 เพื่อพิจารณาโครงการเบื้องต้น เป็นโครงการฝายคลองโตนกลอยพร้อมระบบส่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหา วงเงินงบประมาณ 40.60 ล้านบาท คาดว่าจะจัดเข้าแผนงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569

นอกจากนี้ ในพื้นที่ยังมีปัญหากัดเซาะชายหาดบ้านทะเลนอก ระยะทาง 7 กิโลเมตร รวมถึงระบบไฟฟ้า เป็นต้น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กำชับเจ้าหน้าที่และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บูรณาการทำงานร่วมกันในการเร่งช่วยเหลือดูแล แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ให้เป็นผลสำเร็จภายในปีนี้เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ ได้มีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ

นายกฯ กล่าวถึงการเดินทางมาจังหวัดระนองในวันนี้ เพื่อมารับฟังปัญหาและหาแนวทางพัฒนาปรับปรุงให้การดำเนินงานสามารถเดินหน้าขับเคลื่อนไปตามแผน รวมทั้งตั้งใจมาขับเคลื่อนการพัฒนาในพื้นที่ด้วยศักยภาพที่แข็งแกร่งของจังหวัดระนอง ทั้งด้านเมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยขอย้ำให้ทุกคนนำศักยภาพที่จังหวัดระนองมีอยู่ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ และการเป็นจังหวัดที่ติดกับทะเล ที่จะเชื่อมไปฝั่งอันดามันและต่างประเทศ รวมถึงการเป็นระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้สามารถนำมาพัฒนาขับเคลื่อนพื้นที่ให้เจริญก้าวหน้า สร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนได้อย่างยั่งยืน และขอร่วมกันรักษาป่า และปลูกป่า สร้างพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น เพื่อดูดซับคาร์บอน และสามารถใช้ในการเป็นคาร์บอนเครดิต ที่จะสร้างรายได้ในอนาคต

นายกฯ ย้ำถึงสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอย่างต่อเนื่องและให้ความสำคัญ คือการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนฐานรากของประเทศ โดยรัฐบาลจะพยายามหางบประมาณมาดูแลตรงนี้อย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันก็ขอให้ประชาชนทุกคนได้พัฒนาสินค้า ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดเพื่อเพิ่มมูลค่าสร้างอาชีพและรายได้อย่างยั่งยืนในพื้นที่ ซึ่งเป็นการใช้ soft power ด้านอัตลักษณ์ท้องถิ่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่

นายกฯ ยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมดูแลปัญหาต่างๆ ตามที่จังหวัดระนองเสนอมา รวมถึงปัญหาเรื่องไฟฟ้าเพื่อให้เข้าถึงประชาชนทุกพื้นที่ โดยเฉพาะการหาแนวทางปลดล็อกข้อจำกัดทางกฎหมาย ให้สามารถนำไฟฟ้าไปสู่ประชาชนได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศ รวมถึงการพัฒนาแก้ไข ปรับปรุงกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในด้านการลงทุน เพื่อดึงดูดนักลงทุนมาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น สร้างรายได้ให้ประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลยังส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานสะอาดเพื่อขับเคลื่อนประเทศ

พร้อมกันนี้ นายกฯ ขอความร่วมมือประชาชนห้ามเผา เพราะเป็นสาเหตุของ PM 2.5 ที่เกิดขึ้นขณะนี้ ย้ำให้ อสม. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยกันสร้างความเข้าใจกับประชาชน ขอความร่วมมือเพื่อป้องกันและลดปัญหา PM 2.5 รวมถึงเตรีมความพร้อมในการทำเกษตรปลอดภัย และทำเกษตร ปลูกพืชในพื้นที่ที่ถูกกฎหมาย ป้องกันการกีดกันทางการค้าจากต่างประเทศ พร้อมย้ำส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเรียนให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานและสอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการปฏิรูปและพัฒนาการศึกษาอย่างต่อเนื่อง และขอให้หน่วยงานท้องถิ่นร่วมกันพัฒนาขับเคลื่อนการศึกษาในพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาคนได้อย่างเต็มศักยภาพแท้จริง จบมาแล้วมีงานทำ มีอาชีพและรายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว และเป็นกำลังสำคัญในการร่วมกันพัฒนาให้เจริญอย่างยั่งยืน

นายกฯยังได้พูดภาษาใต้กับประชาชนชาว อ.สุขสำราญว่า “รักจังหู้” ซึ่งประชาชนต่างปรบมือให้กำลังใจนายกฯ บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น จากนั้น นายกฯ เดินพบปะทักทายประชาชนอย่างเป็นกันเอง โดยมีประชาชนชาว อ.สุขสำราญ และพื้นที่ใกล้เคียงของ จ.ระนอง มาต้อนรับและมอบดอกไม้เพื่อให้กำลังใจนายกฯ และคณะในการทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป.