“จตุพร” ชี้ ไม่ค้านประกัน คนเคยหนี 112 สะท้อนไร้หลักยุติธรรมเท่าเทียม

“จตุพร” ชี้ ปมอัยการไม่ค้านประกันนักโทษเคยหลบหนีคดี 112 สะท้อนประเทศไร้หลักยุติธรรมเท่าเทียม หลักการบ้านเมืองไม่มีให้ยึด กังวลปล่อยทักษิณ ทำลายกระบวนการยุติธรรมเหลว 

เมื่อ 19 มิ.ย. 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า อัยการสูงสุดไม่คัดค้านการประกันตัวของทักษิณ ชินวัตร คดี ม.112 จึงเป็นสิ่งน่ากังวลของบ้านเมือง เพราะไร้หลักการยึดถือเป็นแบบอย่างในคดีแบบเดียวกัน

อีกทั้งกล่าวว่า คดี ม.112 ของทักษิณ ชินวัตร ที่ได้ประกันตัว แม้เป็นสิทธิของผู้ต้องหา แต่มีข้อยกเว้นบางกรณีคือ เคยหลบหนีคดี และเคยผิดสัญญากับศาล รวมทั้งเคยทำผิดซ้ำๆ ในเรื่องเดียวกัน โดยตามหลักแล้วอัยการต้องคัดค้านการประกันตัว หากไม่คัดค้านคงไม่มีหลักหาความแน่นอนได้เลย ดังนั้น เมื่อทักษิณ ได้ประกันตัวย่อมกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของบ้านเมือง

อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากังวลของประเทศขณะนี้ คือ การยื่นขอประกันตัวคดี ม.112 อีก 12 คดี แต่ได้รับมาหนึ่งคดีจึงเป็นข้อเปรียบเทียบเช่นกัน ทั้งที่ผู้ต้องคดีเหล่านั้นไม่มีพฤติการณ์หลบหนีคดี ส่วนกรณีทักษิณ อัยการไม่ทักท้วงพฤติการณ์หลบหนีคดี และการไม่คัดค้านโดยอ้างอายุมาก ซึ่งคนธรรมดามากมายติดคุก ยังไม่เกี่ยวอายุมากเลย

นายจตุพร กล่าวว่า ถัดจากนี้ไป ทักษิณ จะเลี้ยงหลานหรือจะเคลื่อนไหวทางการเมืองในแต่ละพื้นที่ ดังนั้น ใครคิดเกมนี้โดยหวังผลถึงการเลือกตั้งปี 2570 แต่ตนคาดว่า เป็นการทำลายฝ่ายอนุรักษนิยมย่อยยับ ส่วนฝ่ายประชาธิปไตย เสียงความนิยมของพรรคเพื่อไทยจะไหลออกไปสู่พรรคก้าวไกลมากขึ้นแม้จะถูกยุบพรรคก็ตาม

“ทักษิณ ติดคุกผมก็ไม่เดือดร้อน หรือไม่ติดคุกผมก็ไม่เดือดร้อนอะไร แต่กระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองหลักมันอยู่ตรงไหนกับนักโทษที่เคยหลบหนีคดีและยังไม่ยำเกรงต่อพระบรมราชโองการ ดังนั้น สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ต้องคิดตระหนักให้มาก สิ่งที่ต้องคิดคือคนที่ตระบัดสัตย์มาตลอด แล้วคณะดีลเชื่อหรือว่าอนาคตจะรักษาคำพูด”

พร้อมทั้งกล่าวว่า ส่วนปัจจุบันกรณีทักษิณ สิ่งที่แพ้คือ กระบวนการยุติธรรม และกองทัพบกในฐานะผู้ฟ้องคดี ม.112 อ้างว่า ได้ยื่นคัดค้านการประกันตัวต่ออัยการแล้ว ยังเชื่อถือกันได้ด้วยเหรอ เพราะระดับกองทัพบกถ้ายื่นคัดค้านจริงมีหรืออัยการสูงสุดจะไม่รับฟัง

“คณะดีลล่าสุดจะปล่อยให้บ้านเมืองอยู่โดยไม่มีหลักการยุติธรรมอย่างนี้เหรอ แสดงว่า ฝ่ายอนุรักษนิยมกลับเชื่อฟังคนตระบัดสัตย์ แต่ฝั่งประชาธิปไตยกลับเกลียดคนตระบัดสัตย์ เพราะต่อสู้มาตั้งแต่พฤษภาทมิฬ 35 แล้ว”

ส่วนการเลือกตั้ง สว.นั้น นายจตุพร กล่าวว่า แม้ศาล รธน.วินิจฉัย พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สว.ไม่ขัด รธน.ก็ตาม แต่การเลือกตั้งขณะนี้มีการร้องเรียนมากมายและยังมีกลุ่มบุคคลยอมจ่ายค่าสมัครโดยไม่หวังเลือกตั้งเอง ดังนั้น ต้องการให้บ้านเมืองอยู่ในลักษณะเช่นนี้หรืออย่างไร เพราะสะท้อนจะเกิดปัญหาขึ้นอีกมากมายในอนาคต

นายจตุพร กล่าวถึงพรรคก้าวไกลว่า ต้องสรรเสริญจิตใจไม่ยอมพ่ายแพ้ และต่อสู้ด้วยกระบวนการทางกฎหมายในข้อหายุบพรรคซึ่งอยู่ในการพิจารณาของศาล รธน. ถึงที่สุดตนประเมินว่า คงยากที่จะหลุดรอดไปได้

สำหรับนายเศรษฐา ต่อสู้การถอดถอนจากนายกฯ โดยส่งพยานเพียงคนเดียวให้การต่อศาล รธน.นั้น นายจตุพร กล่าวว่า การส่งเลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เป็นพยานคนเดียว ย่อมเป็นความเขี้ยวของนายวิษณุ เครืองาม เพราะต้องการตัดการรับรู้ของนายกฯ กรณีถามกฤษฎีกาถึงคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรี แต่ถามไม่ครบทั้งมาตรา ดังนั้นจึงสรุปว่า นายกฯ ไม่รู้เรื่องนี้

ข่าว https://www.thairath.co.th/news/politic/2794668