เมื่อฉันเป็นโรคแพนิค โรคร้ายของคนยุคใหม่

บทความนี้จะมาเล่าเรื่องโรคชั่วร้ายของคนยุคใหม่ นามว่า โรคแพนิค ให้เพื่อนๆได้ฟังกัน เพื่อเป็นวิทยาทาน เพื่อที่ทุกคนอาจจะป้องกันมันได้ หรือเป็นแล้วก็อาจจะมีแนวทางการรักษา ซึ่งอาจเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย

Begining of PANIC | การเริ่มต้นของ โรคแพนิค

ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้โรคบ้านี้คืออะไร ได้ยินได้ฟังผ่านสื่อมาบ้างก็เท่านั้นแหละ ไม่เคยใส่ใจเพราะคิดว่าคนแบบเราไม่น่าจะเป็นหรอก เราสนุกกับชีวิตจะตายไป มีอะไรเครียดๆเข้ามาเราก็สลัดมันทิ้งได้รวดเร็ว กิจกรรมบันเทิงก็เยอะไปหมด ไม่หรอก เราไม่มีทางเป็นโรคแนวประสาทแบบนี้

โรคแพนิค

ผมคิดผิด แพนิคมันคืออะไร?

ใช่แล้ว ผมคิดผิดมาก หลังจากที่ผมก็เป็นคนหนึ่งบนโลกมนุษย์ที่กำลังเผชิญปัญหาจากโควิดมาเป็นเวลาปีกว่าๆ ผมก็คิดว่าไม่มีปัญหาอะไรมาก แค่งานน้อยลง แต่ไม่ถึงกับลำบากอะไรมากมาย แต่ก็วิตกกังวลกับมันตลอด จนวันหนึ่ง ประมาณ ตุลาคม 2564 ผมได้รับข่าวจากเพื่อนใกล้ชิดว่าติดโควิด จริงๆก็คิดว่าไม่ได้กลัวมันมากมาย แต่หลังจากวางโทรศัพท์ลง ตัวผมเริ่มสั่นแบบควบคุมไม่ได้ คล้ายๆกับว่าเราเมากาแฟอย่างหนัก ผมยังคิดว่าผมเมากาแฟ แต่อารมณ์ตอนนั้นคือคิดว่ากำลังจะตายหรือปล่าว เพราะภายในแปรปรวนเอามากๆ กลัวขนาดที่ต้องไปเปิดลูกบิดห้องไว้ กลัวว่าจะตายอยู่ในห้องแล้วไม่มีคนเข้ามาช่วยได้ 555 ตอนนั้นมันคิดแบบนั้นจริงๆ

หลังจากวันนั้น ผมมีอาการคิดมาก มากชนิดว่าคิดบ้าคิดบอ คิดอะไรก็เครียดเข้าตัวไปหมด ผ่านไปสองสามวันเริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว โทรไปหาคุณหมอที่สนิทกันท่านหนึ่ง(สงวนนามไว้ก่อน ใครอยากรู้ทักผ่านหน้าติดต่อเรามานะจ๊ะ) คุณหมอหัวเราะเบาๆเชิงให้กำลังใจแบบอย่าให้คิดมากว่า “เป็นโรคแพนิค” เอาละสิเว่ย โรคอะไรว่ะ ผมถามคุณหมอกลับไปว่าคนเป็นกันเยอะมั๊ย คุณหมอตอบกลับมาว่าเป็นกันเยอะแยะเลยช่วงนี้ บ้าเอ้ย ในใจโคตรจะห่อเหี่ยวเลยจังหวะนั้น แต่อุ่นใจที่คุณหมอบอกว่าเดี๋ยวจะจัดยาให้เอง ค่อยๆกินยา เดี๋ยวก็หายเอง สำหรับผมเหรอ แล้วมันจะหายเมื่อไหร่ ทำไมมันทรมานอย่างนี้

คุณหมอค่อยๆเปลี่ยนยา พร้อมๆกับการโทรมาถามและให้กำลังใจตลอด อาการผมยังไม่ดีขึ้น คุณหมอบอกให้ผมออกไปหาเพื่อนๆ หรือหากิจกรรมทำให้สบายใจ แต่ทุกกิจกรรมของผมแฝงไปด้วยความแอบเหม่อลอย แม้ว่าเพื่อนๆเขาจะสนุกกัน แต่ผมแอบดิ่งลึกอยู่คนเดียว เพื่อนๆก็ดีเหลือเกิน พยายามหากิจกรรมให้ทำตลอด อันนี้บอกเลยว่าเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีมาก

ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม ช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วงที่หนักหนาสาหัสของผมที่สุด เหม่อลอยสุดทรมานเกือบตลอดเวลา มีโรคอื่นๆมากมายสามัคคีกันเข้ามาร่วมปาร์ตี้บนสมองและร่างกายผม งานการไม่ต้องทำกันแล้ว เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเหม่อลอย

อาการต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับโรคแพนิค

มาดูกันว่าอาการที่ผมพบเจอเกี่ยวกับเจ้าโรคบ้านี้มีอะไรบ้าง

  • ใจสั่นเหมือนเมากาแฟตลอดเวลา
  • คิดมาก มากถึงมากโคตรๆ จิตใจทรมานมากสุดๆ
  • ขี้เกียจ หมดแพชชั่นในการทำงาน แม้จะเป็นสิ่งที่รักก็ไม่อยากทำเลย
  • นอนไม่หลับ หลับก็ฝันร้าย สดุ้งตื่นทั้งคืน
  • กินข้าวไม่ได้ ไม่หิว น้ำหนักลดเกือบ 10 กิโลกรัม
  • กรดไหลย้อนมาเยือนบ่อย
  • เหนื่อยง่าย เหนื่อยเร็วมาก
  • อวัยวะเพศหดตัวอย่างหนักหน่วง

วิธีการรักษาโรคแพนิคของผม

ย้ำว่าเป็นวิธีการรักษาของผมนะครับ ทำตามได้ถ้ามันช่วยให้คุณหายเร็ว เอาใจช่วย

  • การเปลี่ยนยาและการพูดคุยกับคุณหมอผู้เข้าใจโรคนี้
  • กลับไปบ้าน ไปนอนบ้าน ระบายกับพ่อแม่บ้าง ซึ่งทุกคนก็พยายามให้เราทำอะไรแก้ความว่าง
  • กลุ่มเพื่อน ที่คอยให้กำลังใจ บางคนถึงกับมานอนเพื่อนที่ห้อง
  • ไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอน
  • นั่งสมาธิก่อนนอน แม้จะยากเย็นก็พยายามทำมัน
  • เลิกเสพโซเชียล
  • เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ (ตอนนี้กลับมาเหมือนเดิม 555 แต่เบาๆลง)

หายจาก โรคแพนิค นี้ตอนไหน?

ผมอาจจะเป็นเคสที่หายเร็วพอสมควร เพราะที่ถามไถ่มาเขาเป็นกันหลายปี ส่วนผมช่วงมกราคม 2565 อาการก็เบาลง ผมกินยาประมาณ 2 เดือนก็เลิกกิน อาศัยการสวดมนต์และนั่งสมาธิก่อนนอนทุกคืน (ในช่วงนั้น) ยังคงเหลือเศษความคิดร้ายๆอยู่บ้างแต่เราก็พยายามไม่หลุดเข้าไปในความดิ่งนั้น รีบหาอะไรทำทันทีที่รู้สึกแปลกๆ ทำมันทุกอย่างให้เหงื่อออก ยิ่งตากแดดยิ่งสนุก สามารถนั่งเล่นกลางแดดได้เลยทีเดียว

อาการเริ่มดีขึ้นทุกอาการ กินข้าวเริ่มได้ นอนหลับ อาการใจสั่นยังมีบ้างแต่ไม่มากนัก คุณหมอแนะนำให้เดินเล่นเวลาใจสั่น จนช่วงกุมภาพันธ์ 2565 อาการก็เกือบหายสนิท พร้อมทำกิจกรรม พร้อมสู้โลก แต่บอกเลยว่าผมเลิกเสพข่าวสะเทือนขวัญไปเลย ไม่อ่าน ไม่ฟัง รายการหลักที่ดูคือรายการที่ตลก สร้างสรร สนุกสนาน

และนี่คือประสบการณ์แพนิคของผม ที่ไม่อยากให้ทุกคนเป็น ส่วนใครที่เป็นเราขอเป็นกำลังใจให้หายในเร็ววันนะครับ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องโรคแพนิค